Follow us

NEWSLETTER

ปีที่ 10 ฉบับที่ 1 • มกราคม-มีนาคม 2562

    เตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุค 4.0

     

    สวัสดีปี (หมู) กุน

     

    ปี 2562 ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นประธานอาเซียน แม้ว่าเศรษฐกิจโลกยังคงผันผวน แต่เศรษฐกิจไทยก็อยู่ในภาวะฟื้นตัวจากการสนับสนุนของภาครัฐในการเร่งขับเคลื่อนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เชื่อมโยงเครือข่ายด้านคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ยุคประเทศไทย 4.0

     

    การเตรียมตัวพร้อมรับกับโอกาสที่ดีจากการมีที่ปรึกษาดีหรือมีระบบพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำในการก้าวย่างเติบโตสู่ความสำเร็จเป็นระบบการทำงานของมืออาชีพที่ใช้กันมานานทีมกรุ๊ปได้ใช้วิธีนี้ซึ่งผม บอกเล่าเก้าสิบ ไว้ในฉบับนี้

     

    TEAM GROUP Newsletter ฉบับนี้ ได้รับเกียรติจาก คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยให้สัมภาษณ์ คุยนอกกรอบ” ถึงโอกาส ความพร้อม และการเติบโตของอุตสาหกรรมไทยใน EEC และ เปิดมุมมอง การพัฒนาระบบขนส่งในเขตพื้นที่ EEC และการพัฒนา EECสู่การเป็น Smart City โดยผู้เชี่ยวชาญของทีมกรุ๊ป ดร.ปาริชาติ พัฒนเมฆา

     

    ในเล่มยังคงมีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจอีกมากมาย ขอบคุณ ดร.อาณัติ อาภาภิรม ที่มาอวยพรปีใหม่ให้มี “สาระความสุข”

     

    ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ปีกุนหรือปีหมู หมูเป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของความอุดมสมบูรณ์ สื่อถึงความเป็นสิริมงคล ผมจึงขอถือโอกาสนี้อำนวยพรอาราธนาสิ่งศักดิ์ทั้งหลายช่วยดลบันดาลให้ท่านมีความสุขความสำเร็จภารกิจต่างๆ ที่รับผิดชอบขอให้เรียบร้อยราบรื่น ครอบครัวอบอุ่น ไปไหนมาไหนเดินทางโดยสวัสดิภาพครับ

     

    With best wishes,

    (Dr. Prasert Patramai)

    Chairman of the Board

     

    ทีมกรุ๊ปก้าวไกลสู่ยุค 4.0

    TEAM GROUP: Heading towards the Thailand 4.0 Era

     

     

    ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเดินหน้าพัฒนาประเทศสู่ไทยแลนด์ 4.0 คือการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศด้วยนวัตกรรม ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจึงได้กำหนดพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ให้เป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือEEC พร้อมทั้งกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมาย มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นำไปสู่การพัฒนาเมือง เพื่อรองรับการลงทุน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และอำนวยความสะดวกในพื้นที่

     

    ที่ผ่านมาทีมกรุ๊ปได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการดำเนินงานโครงการหลากหลายโครงการ เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่ยุค 4.0 ซึ่งเรามีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาเมืองในพื้นที่ EEC และเข้าไปมีส่วนร่วมในโครงการสำคัญๆ ของรัฐ ดังตัวอย่างโครงการต่อไปนี้

     

    1. งานศึกษาทบทวนความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจการเงิน และสิ่งแวดล้อม โครงการท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 เพื่อให้สามารถรองรับการขนส่งตู้สินค้าผ่านท่าทางรถไฟ และเพิ่มระบบจัดการขนตู้สินค้าแบบอัตโนมัติ (Automation) ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP)

    2. โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด

    3. การศึกษาความเหมาะสมการให้เอกชนร่วมลงทุน โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุขช่วงรังสิต-บางปะอิน

    4. งานบริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี

     

     

    งานศึกษาทบทวนความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และสิ่งแวดล้อม โครงการท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 เพื่อให้สามารถรองรับการขนส่งตู้สินค้าผ่านท่าทางรถไฟ และเพิ่มระบบจัดการขนตู้สินค้าแบบอัตโนมัติ (Automation) ในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP)

     

     

    เจ้าของโครงการ : การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.)

     

    โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3 เป็นหนึ่งในโครงการตามแผนพัฒนาพื้นที่ของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกโดยกำหนดให้เป็นโครงการร่วมมือในรูปแบบหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (Strategic Partner) ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ เพื่อให้ท่าเรือแหลมฉบังมีขีดความสามารถ (Capacity) ในการรองรับการขนถ่ายตู้สินค้ารวมไม่น้อยกว่า 18 ล้านทีอียูต่อปี รวมถึงสามารถรองรับการขนส่งสินค้าทางรถไฟให้มากขึ้น และการขนถ่ายด้วยเครื่องมือยกขนสินค้าประเภทตู้สินค้าที่ทันสมัยด้วยระบบอัตโนมัติ (Automation)

     

    ทีมกรุ๊ปได้รับความไว้วางใจให้ศึกษาทบทวนความเหมาะสมของโครงการด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ การเงิน และรูปแบบการลงทุน ทบทวนรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นประกอบการทดสอบความสนใจของนักลงทุน (Market Sounding) ออกแบบขั้นต้นสำหรับการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังขั้นที่ 3 จัดทำร่างประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA) และให้คำปรึกษาและแนะนำแก่ กทท. ในการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน บริหาร และประกอบการท่าเทียบเรือ

     

     

    โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุทางรถไฟ ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด

     

     

    เจ้าของโครงการ : การรถไฟแห่งประเทศไทย

     

    โครงการเพิ่มประสิทธิภาพและเพิ่มความจุรถไฟ ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุดเป็นส่วนหนึ่งของการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับระบบรางที่ประเทศไทยกำลังเร่งดำเนินงานเพื่อเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ และเสริมสร้างเศรษฐกิจให้มีความเข้มแข็ง

     

    ทีมกรุ๊ปได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการทบทวนแบบรายละเอียด ทบทวนผลการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและการเงิน ทบทวนราคาค่าก่อสร้าง และจัดทำเอกสารประกวดราคาของโครงการระบบรถไฟฟ้าชานเมืองร่วมกับรถไฟทางไกลเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา (46 กม.) และศึกษาความเหมาะสมออกแบบรายละเอียด และจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการทางคู่ ช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-สถานีชุมทางศรีราชา-มาบตาพุด (200 กม.)

     

     

    งานศึกษาความเหมาะสมการให้เอกชนร่วมลงทุน โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน

     

     

    เจ้าของโครงการ : กรมทางหลวง

     

    โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง ส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายกรุงเทพมหานคร-ด่านเชียงของ (M5) มีวัตถุประสงค์เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดเพิ่มโครงข่ายถนนสายหลักตอนบนของกรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง และเชื่อมโยงโครงข่ายกับทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) ที่เชื่อมต่อไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยโครงการนี้มีแนวคิดที่จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน

     

    ทีมกรุ๊ปได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการศึกษาและทบทวนรายละเอียดความเหมาะสมด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม การเงิน และการลงทุนของโครงการฯ ประเมินความสนใจของภาคเอกชน และจัดทำรายงานการศึกษาและวิเคราะห์โครงการ ตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในมาตรา 24 แห่ง พ.ร.บ. การให้เอกชนร่วมลงทุนฯ พ.ศ.2556 รวมถึงศึกษาประเด็นข้อกฎหมายและความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจมีต่อกรมทางหลวงในกรณีดำเนินโครงการฯ พร้อมทั้งจัดทำร่างประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าร่วมลงทุน ร่างขอบเขตของโครงการและเงื่อนขสำคัญ และร่างสัญญาการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการฯ และวิเคราะห์และนำเสนอแนวทางกำกับดูแล การบริหารสัญญา และการบริหารจัดการผลตอบแทนของภาครัฐ

     

     

    งานบริหารโครงการและควบคุมการก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี

     

     

    เจ้าของโครงการ : การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

     

    โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี เป็นหนึ่งในแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเป็นระบบขนส่งมวลชนสายรองประเภทรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Straddle Monorail) ก่อสร้างเป็นทางยกระดับตลอดเส้นทาง ระยะทางทั้งสิ้น 34.5 กิโลเมตร มีทั้งหมด 30 สถานี เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วง โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว (เหนือ) โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี

     

    ทีมกรุ๊ปได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการบริหารจัดการและดำเนินการโครงการทั้งหมด และรับผิดชอบในการรวมระบบโดยรวม และการออกใบรับรองระบบ เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนการดำเนินโครงการ (Commissioning Certificate) ควบคุมและจัดการโครงการเพื่อให้ระบบมีคุณสมบัติตรงตามความปลอดภัย ความวางใจได้ และประสิทธิภาพการทำงานกำหนดไว้ พร้อมทั้งประสานงานและทำงานร่วมกับวิศวกรอิสระที่ได้รับการแต่งตั้ง และจัดทำฐานข้อมูลบันทึกข้อมูลความปลอดภัยหลักสำหรับโครงการให้ครอบคลุมทุกส่วนงานให้ทำงานสอดคล้องและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ภายในและระหว่างส่วนงานต่าง ๆ

     

     

    การพัฒนาระบบขนส่งในเขตพื้นที่ EEC

    ณ ขณะนี้ ถนนทุกสายล้วนมุ่งไปที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Eastern Seaboard ซึ่งเปลี่ยนพื้นที่เกษตรกรรมและการท่องเที่ยวเป็นแผ่นดินทองของอุตสาหกรรม และนำพาเศรษฐกิจประเทศให้เจริญรุดหน้า อย่างก้าวกระโดด วันนี้ทีมกรุ๊ปได้พูดคุยกับ

     

    ดร.ปาริชาติ พัฒนเมฆา Assistant Professional Leader –Transportation ของทีมกรุ๊ป

     

     

    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ EEC

     

    การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษให้ได้ผลดั่งที่มุ่งหวังไว้นั้นรัฐได้กำหนดแผนการพัฒนาพื้นที่ EEC ทั้งหมด 8 แผน หนึ่งในนั้น คือ แผนปฏิบัติการการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานภายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกซึ่งเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำและทางอากาศ ให้มีประสิทธิภาพในการรองรับผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยให้มีความต่อเนื่องและเชื่อมต่อกันระหว่างระบบ เช่น ขนส่งสินค้าด้วยรถไฟเข้ามายังท่าเรือเพื่อขนส่งสินค้าไปยังต่างประเทศ

     

    ดร.ปาริชาติ กล่าวว่า “โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของ EEC ในปัจจุบันมีอยู่ 4 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก 2) โครงการสร้างศูนย์ซ่อมท่าอากาศยานแห่งใหม่ 3) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 และ 4) โครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด โดยทั้ง 4 โครงการเป็นโครงการที่ภาครัฐเปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน”

     

    การร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) เป็นเครื่องมือสำคัญที่รัฐนำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ที่ใช้งบประมาณมหาศาล โดยเป็นการประสานความร่วมมือทั้งงบประมาณและความเชี่ยวชาญระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการดำเนินโครงการ

     

    ทีมกรุ๊ปได้รับความไว้วางใจจากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกให้ดำเนินการติดตามตรวจสอบ และควบคุมโครงการต่างๆ ในพื้นที่ EEC หรือที่เรียกว่า Project Management Office (PMO) ในการกำหนดมาตรการ กระบวนการในการบริหารโครงการ ตรวจสอบ กำกับดูแล และบริหารโครงการให้ประสบความสำเร็จดังที่มุ่งหวังไว้โดยมีการติดตามความคืบหน้าของโครงการพร้อมสรุปสถานะของโครงการต่างๆ ในภาพรวม จัดเก็บ จัดเตรียมเอกสารต่างๆ ประสานงาน พร้อมทั้งให้คำแนะนำและเป็นที่ปรึกษาให้แก่โครงการและผู้บริหาร ซึ่งงานทั้งหมดนี้ทำให้ทีมกรุ๊ปมองเห็นถึงภาพรวมของการพัฒนาโครงการในพื้นที่ EEC ทั้งหมด” ดร.ปาริชาติกล่าวเสริม

     

    งาน PMO มองจากภายนอกแม้จะเหมือนเป็นงานที่ประสานงานและงานเอกสาร แต่เป็นหน้าที่ที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะองค์กรที่มีโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก เนื่องจากเป็นฝ่ายที่คอยติดตามและดูแลให้โครงการสามารถเดินทางไปถึงเป้าหมาย ซึ่งหากมีส่วนหนึ่งส่วนใดเกิดปัญหาหรือมีข้อขัดข้องก็จะเข้าไปช่วยเหลือและให้คำแนะนำ จึงเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โครงการต่างๆ ประสบความสำเร็จได้สมดังที่ตั้งใจไว้

     

    รถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ

     

     

    นอกจากโครงการขนาดใหญ่ทั้ง 4 โครงการแล้ว โครงการรถไฟทางคู่เชื่อมสามท่าเรือ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่กำลังเร่งดำเนินงาน เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันกับต่างชาติ

     

    “โครงการรถไฟทางคู่เชื่อมต่อ 3 ท่าเรือ ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบังท่าเรือมาบตาพุดและท่าเรือสัตหีบซึ่งท่าเรือทั้ง 3 แห่ง มีวัตถุประสงค์การใช้งานที่แตกต่างกันไป ท่าเรือแหลมฉบังจะเป็นท่าเรือหลักในการนำเข้า-ส่งออกตู้สินค้า ท่าเรือมาบตาพุดเป็นท่าเรือหลักในการขนส่งสินค้าที่อยู่ภายในการนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยเน้นไปที่การขนส่งก๊าซเป็นหลักและสุดท้ายคือท่าเรือสัตหีบจะพัฒนาเป็นท่าเรือสำคัญ หรือท่าเรือครู๊ซ การขนส่งสินค้าจะเป็นในลักษณะ Ro-Ro คือเอารถบรรทุกสินค้าใส่ในเรือ แล้วขนส่งข้ามทะเล

     

    “โครงการรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์แตกต่างไปจากโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินอย่างไร้รอยต่อที่เน้นการขนส่งผู้โดยสารเป็นหลัก แต่โครงการรถไฟทางคู่เป็นการพัฒนาทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ฉะเชิงเทรา ศรีราชา แล้วต่อไปยังท่าเรือมาบตาพุด ซึ่งจะมีทั้งผู้โดยสารและการขนส่งสินค้า”

     

    ทีมกรุ๊ปกับงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

     

     

    ที่ผ่านมาทุกคนรู้จักทีมกรุ๊ปในฐานะของผู้เชี่ยวชาญด้านทรัพยากรน้ำหากแต่งานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นหนึ่งในความเชี่ยวชาญของทีมกรุ๊ป โครงการที่ทีมกรุ๊ปได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินงาน เช่น โครงการทบทวนและปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล โครงการรถไฟความร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-ลำลูกกา โครงการก่อสร้างอาคารที่พักผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3

     

    ผู้บริหารของทีมกรุ๊ปเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถบุคลากรของทีมกรุ๊ปเป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีการถ่ายทอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้ทีมกรุ๊ปมีความเข้มแข็งในด้านบุคลากรเป็นอย่างมาก ผนวกกับการที่เรามีพันธมิตรที่ดีและมีศักยภาพ จึงมีความพร้อมที่จะพัฒนาความรู้ความสามารถ และขยายขอบเขตความเชี่ยวชาญไปยังสาขาต่างๆ

     

    “นอกจากนี้ทีมกรุ๊ปยังได้โอกาสเข้าไปทำงานในพื้นที่ EEC ในหลายๆ โครงการ นับเป็นก้าวที่ดีในการแสดงความสามารถและสั่งสมประสบการณ์ในฐานะวิศวกรไทยที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบถนน ราง น้ำ และอากาศ”

     

    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็นหัวใจหลักของการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม หากมีการวางแผนอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาพื้นที่ก็มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

     

     

    โอกาส ความพร้อม และการเติบโตของอุตสาหกรรมไทยใน EEC

    การขับเคลื่อนประเทศสู่ “ไทยแลนด์ 4.0” หนึ่งในกลยุทธ์ที่รัฐบาลนำามาใช้คือ การกำาหนด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ประเทศไทยมีจุดแข็งและมีการลงทุนอยู่แล้ว และต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อกระตุ้นการค้าการลงทุนของประเทศในอนาคตซึ่งพื้นที่ที่มีการสนับสนุนการลงทุนอย่างมหาศาลก็หนีไม่พ้นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในวันนี้ TEAM GROUP Newsletter ได้รับเกียรติจาก คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มาพูดคุยถึงโอกาส ความพร้อม และการเติบโตของอุตสาหกรรมไทย ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (EEC)

     

    คุณสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

     

    โอกาสที่มาพร้อมกับการเคลื่อนไปข้างหน้า

     

    ในยุคที่โลกหมุนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม ทำให้อุตสาหกรรมต่างๆ ต้องปรับตัวให้เร็ว เคลื่อนที่ให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก

     

    “ทุกวันนี้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมจะต้องนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาสนับสนุนในการดำเนินธุรกิจ ไม่เช่นนั้นจะตกกระแสและล้มหายไปในที่สุด ปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามาและออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้หลายๆ อุตสาหกรรมหายไปจากแวดวงอุตสาหกรรมจำนวนมาก แต่ในขณะเดียวกันอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีต่างๆ ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว และสามารถต่อยอดไปยังอุตสาหกรรมอื่นๆ ได้” คุณสุพันธุ์กล่าว

     

    ในความเป็นจริงแล้ว อุตสาหกรรมสัญชาติไทยไม่เคยหยุดนิ่ง มีการเรียนรู้และพัฒนาอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ คุณสุพันธุ์กล่าวต่อว่า “เราต้องยอมรับว่ากลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อย่าง ปูนซิเมนต์ไทย ปตท.ซีพี หรือ ไทยเบฟ เป็นกลุ่มทุนที่มีเงินทุนจำนวนมาก ทำให้สามารถทุ่มเทงบประมาณลงไปกับการสรรหานวัตกรรม หรือการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) นำเอาหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ในอุตสาหกรรม ในขณะที่อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กจะต้องพึ่งพารัฐบาลสถาบันการศึกษา และหน่วยงานต่างๆ มาช่วยในเรื่องดังกล่าว”

     

    ณ ขณะนี้ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้เข้ามาเป็นตัวกลางระหว่างหน่วยงานวิจัย ทั้งสถาบันการศึกษาและหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน เพื่อให้อุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็กสามารถขับเคลื่อนและเติบโตไปพร้อมกันได้

     

    สภาอุตสาหกรรมฯ กำลังเร่งประสานและเชื่อมโยงการพัฒนา กระตุ้นให้เกิดการวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ปรับเปลี่ยนจุดขายให้มีความทันสมัยและมีเทคโนโลยีการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งตอนนี้เรากำลังเน้นเรื่อง “Industry Transformation” เป็นการเปลี่ยนผ่านของทุกอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนไปสู่ยุค 4.0 สำหรับอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดเล็ก ต้องผลักดันในลักษณะของโครงการ Big Brother ให้รัฐบาลเข้าไปช่วยเหลือเรื่องการวิจัยและพัฒนาและเรื่องการอบรม” ประธานสภาอุตสาหกรรมกล่าว

     

     

    ปัจจัยความสำาเร็จของอุตสาหกรรมไทยในพื้นที่ EEC

     

    ปัจจุบันมีการให้สิทธิพิเศษและการสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก รวมถึงมีการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและด้านอื่นๆ ทำให้เพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าวมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เป็นโอกาสและความเสี่ยง คือ เทคโนโลยี

     

    เทคโนโลยีใหม่ๆ จะมาลบล้างอุตสาหกรรมแบบเดิมๆ แต่ในขณะเดียวกัน ก็สร้างโอกาสให้อุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ที่เห็นได้ชัดคือ สินค้าประเภทกล้อง โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อัจฉริยะต่างๆทำให้ต้องมีการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในอนาคตข้างหน้า หากเราต้องการก้าวไปเป็นผู้นำในด้านอุตสาหกรรม เราจะต้องใช้งบประมาณในเรื่องการวิจัยและ พัฒนาสูงขึ้นจากร้อยละ1ในปัจจุบันเป็นร้อยละ 3-5 ในอนาคต” คุณสุพันธุ์กล่าว

     

    การวิจัยและพัฒนานี้ ไม่ใช่แค่เรื่องเทคโนโลยี แต่หมายถึงเรื่องการพัฒนาคนและพัฒนาการศึกษาที่จะต้องก้าวทันโลกไปอย่างรวดเร็ว

     

    คุณสุพันธุ์กล่าวต่อว่า “ทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หลักสูตรการศึกษาของไทยต้องตามให้ทัน การเรียนการสอนต้องทันสมัย อาจารย์มหาวิทยาลัยจะต้องไม่สอนแบบเดิมๆ แต่เป็นการสอนเชิงแนะนำ(Coaching) ปรับบริบทการเรียนการสอนให้ทันกับสถานการณ์และเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป และมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย เพื่อสอดรับกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ถาโถมเข้ามา ยกตัวอย่างในประเทศจีน เขามีความตื่นตัวในเรื่องเทคโนโลยีอย่างมากมีการนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ในการเรียนการสอนตั้งแต่ช่วงชั้นประถมศึกษา เพราะเขารู้ดีว่าในอนาคตปัญญาประดิษฐ์จะมีบทบาทมากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้ไม่มีอะไรการันตีความสำเร็จในอนาคตได้ ภายในระยะเวลา 10-20 ปี ข้างหน้า โลกอาจจะพลิกไปเป็นแบบไหนก็ได้ เหมือนดั่งที่ Facebook กับ Alibaba เปลี่ยนโลกจาก 10-20 ปีที่แล้วไปอย่างสิ้นเชิง”

     

     

    การสนับสนุนของสภาอุตสาหกรรมฯ

     

    ในมุมมองของประธานสภาอุตสาหกรรม คนไทยเป็นคนที่มีความสามารถ หากแต่ยังมีวัฒนธรรม ความเชื่อ และกฎเกณฑ์ที่ทำให้ธุรกิจขับเคลื่อนไปได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น หากมีการปรับปรุงกฎระเบียบ และปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนให้การทำงานคล่องตัว รวดเร็ว และทันสมัย ก็จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยรุดหน้าอย่างรวดเร็ว

     

    “สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้กำหนดยุทธศาสตร์ไว้ทั้งหมด 5 ข้อ เพื่อช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมในประเทศให้สามารถขับเคลื่อนและพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืนและมั่นคงประกอบด้วย 1) มีเครือข่ายที่เข้มแข็ง (Connectivity) 2) มีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยร่วมมือกับสถานศึกษาหรือสถาบันต่างๆ 3) จัดตั้ง FTI ACADEMY 4) พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถ 5) ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม (Green) ซึ่งเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะละเลยไม่ได้ เรากำลังพยายามชวนทุกโรงงานร่วมกันทำธุรกิจที่ไม่ทำลายสภาพแวดล้อม” คุณสุพันธุ์กล่าวทิ้งท้าย

     

    การใส่ใจในเรื่องเทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาคนสิ่งแวดล้อม และไม่ลืมที่จะสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง เมื่อผนวกกับการสนับสนุนของภาครัฐ จะช่วยให้อุตสาหกรรมไทยเติบโตและก้าวสู่ยุค 4.0 ได้อย่างแน่นอน

     

     

    ไทย ประธานอาเซียน 2562 : ความคาดหวังและผลลัพธ์

    Pradap Pibula.

     

    เมื่อสิบปีที่แล้วไทยเป็นประธานอาเซียนประเทศแรกที่บริหารองค์กรโดยมีกฎบัตรและสถานะเป็นนิติบุคคล และตลอดวาระการเมืองภายในมีแต่ความขัดแย้ง ปีนี้เป็นช่วงเวลาของไทยอีกครั้งในการนำอาเซียน ความวุ่นวายในประเทศเบาบางลงและสถานการณ์ทางการเมืองกำลังปรับเข้าสู่ภาวะปกติ ภายใต้กติกาใหม่ สำหรับการปกครองระบอบประชาธิปไตย การเป็นผู้นำอาเซียนไทยต้องได้รับความเชื่อมั่น ความไว้วางใจและความเชื่อถือ ซึ่งรัฐบาลเตรียมแผนไว้แล้ว โดยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายนปีที่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ ดอน ปรมัตถ์วินัย ได้เปิดตัวการที่ไทยจะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนด้วยคำขวัญว่า “หุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืน” และจะยึดแนวทาง “สาม C” ในมิติใหม่ (ที่มา: วิทยุสราญรมย์ในยูทูป) ความสำเร็จของอาเซียนในช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมานั้นก็ด้วยการใช้หลักการสาม C ได้แก่ การปรึกษาหารือ (consult) ความร่วมมือ (cooperate) และฉันทามติ (consensus) อย่างไรก็ดีการที่ประชาคมอาเซียนจะยั่งยืนได้ในสมัยการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 หลักปฏิบัติตามแนวเดิมนั้นไม่เพียงพอ

     

    ในขณะที่อาเซียนกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล ไทยเห็นว่าการที่ประชาคมจะแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยังมีความสำคัญ และเจริญก้าวหน้า ประธานอาเซียนจะต้องบริหารจัดการด้วยแนวใหม่คือมีความคิดสร้างสรรค์ (creative) เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน (complementary) และสานต่อภารกิจ (continue) ประธานต้องสามารถเผชิญหน้าอย่างสร้างสรรค์ต่อสิ่งท้าทายและผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วของเทคโนโลยี สนับสนุน เกื้อหนุนกันเพื่อให้โครงการส่วนภูมิภาคบรรลุผลอันจะทำให้ประชาคมอาเซียนรวมตัวกันได้อย่างมีประสิทธิผล เช่น การวางเครือข่ายห่วงลูกโซ่การผลิตสินค้าและบริการที่ไร้รอยต่อ สานต่อโครงการที่รับช่วงจากสิงค์โปร์ซึ่งนำอาเซียนด้วยคำขวัญ “เสริมสร้างอาเซียนที่ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์”

     

    ในแต่ละปี อาเซียนจัดประชุมหลายร้อยครั้ง มีโครงการนับเป็นพันที่จะต้องดำเนินการและบริหารจัดการ ดังนั้นในช่วงที่ไทยเป็นประธาน ภาคส่วนที่จะได้รับผลกระทบทั้งบวกและลบจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าเรื่องอะไรจะได้รับการเน้นและจัดไว้ในความสำคัญลำดับสูง ซึ่งกระทรวงต่างประเทศไทยได้ประกาศและชี้แนะบ้างแล้ว อาทิ

     

    • ผลักดันแผนแม่บทการเชื่อมโยงอาเซียน 2025 ให้บรรลุผลและเชื่อมต่อกับความริเริ่มด้านการเชื่อมโยงใหม่ๆ ในภูมิภาค

    • ยุทธศาสตร์การพัฒนาเมืองที่ยั่งยืนและเครือข่ายเมืองอัจฉริยะระหว่าง 26 เมืองในอาเซียน

    • สนับสนุนให้ธุรกิจขนาดจิ๋ว เล็ก และกลางนำใช้ระบบดิจิทัลเริ่มใช้ระบบ Single Window และเสริมสร้างดิจิทัลอาเซียน

    • พัฒนาฐานข้อมูลอาเซียนเกี่ยวกับเส้นทางการค้า

    • พัฒนากรอบเพื่อเป็นแนวทางประเมินประสิทธิภาพของห่วงลูกโซ่

    • รวบรวมฐานข้อมูลเกี่ยวกับโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่มีศักยภาพ ร่วมกับธนาคารโลก (ภาคส่วนที่สนใจสามารถติดตามความคืบหน้าได้เว็บไซต์ “ASEAN Connectivity Microsite”)

     

    ในช่วงเป็นประธานอาเซียนครั้งก่อน ไทยได้ริเริ่มและให้ความสำคัญต่อยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนซึ่งครอบคลุมเครือข่ายการขนส่งคมนาคมทางบกหลายมิติความมั่นคงทางพลังงาน และพัฒนาโครงข่ายโทรคมนาคม โดยมีเป้าหมายที่จะรวมสมาชิกสิบประเทศให้เป็นประชาคมที่มี

    ประสิทธิภาพ สมานฉันท์ และมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงซึ่งก็บรรลุผลไปได้มาก

     

    บัดนี้ เครือข่ายถนนอาเซียนเชื่อมโยงกันได้ครบ ก่อให้เกิดการขยายตัวของการค้าชายแดน เส้นทางรถไฟจากสิงคโปร์สร้างเสร็จถึงกัมพูชาโดยผ่านไทย ช่องสินค้าผ่านแดนจุดเดียวพร้อมเปิดบริการสำหรับสมาชิกอาเซียนบางประเทศ อย่างไรก็ดี การบริหารสินค้าและผู้สัญจรข้ามแดนยังเป็นสิ่งท้าทายยังไม่ราบรื่นไร้รอยต่อ อันเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการขยายเศรษฐกิจของสมาชิกอาเซียนภาคพื้นดิน ประเด็นนี้จะทดสอบ “ความสร้างสรรค์” ในการแก้ปัญหาเมื่อไทยเป็นประธาน

     

    ในปี 2573 คาดว่าประชากรที่อาศัยในเมืองจะเพิ่มขึ้น 70 ล้านคนและอาเซียนจะมีนักท่องเที่ยว 150 ล้านคนในปี 2568 ทำให้ประเมินกันว่าอาเซียนจำเป็นต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานถึงปีละ 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ดังนั้นสมาชิกอาเซียนจึงต้อง “ร่วมมือเกื้อกูลกัน” มากขึ้นในการสร้างระบบการขนส่งคมนาคม ทางบกหลายมิติเพื่อเชื่อมโยงกันเองและกับประเทศอื่นๆ ให้เป็นเลิศเทียบเท่าการขนส่งทางทะเล

     

    นอกเหนือจากการจัดวางระบบโลจิสติกส์ไร้รอยต่อแล้ว กุญแจสำคัญต่อความสำเร็จของการเป็นประธานคือการ “สานต่อ” โครงการมากมายที่อาเซียนตกลงกันแล้วและไทยจะต้องช่วยผลักดันอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้านแรงงานที่มีฝีมือ เช่น วิศวกรหรือช่างเทคนิค ตลอดจนการปกป้องสิ่งแวดล้อมทางบก ทะเล และอากาศ

     

    ในที่สุดแล้ว ประสิทธิภาพของการเป็นประธานอาเซียนของไทยจะขึ้นอยู่กับบทบาทและมาตรฐานการดำเนินการของทุกภาคส่วนที่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง มิเพียงแต่ภาครัฐ ทุกภาคส่วนจะต้องทุ่มเทและแสดงทัศนะ การนำอาเซียนของไทยย่อมจะเป็นที่ชื่นชมหากยึดมั่นในวัตถุประสงค์และความมุ่งหมายของปฎิญญาอาเซียน ปี 2510 และส่งต่อให้เวียดนามในปี 2563 “ภูมิภาคอาเซียน ที่สงบสุข สมานสามัคคี และเจริญรุ่งเรือง”

     

     

    I’ve never walked alone

    “ระบบพี่เลี้ยง” แรงบันดาลใจจากเรื่องหมูป่าสู่ความสำเร็จ

    Dr. Prasert Patramai

     

     

    ในแต่ละย่างก้าวของการเติบโต การมีพี่เลี้ยง หรือโค้ชที่ดีนำมาซึ่งความสำเร็จ ธุรกิจก็เช่นกัน แรงบันดาลใจจากการช่วยเหลือกันและกันของทีมหมูป่าอะคาเดมี 13 ชีวิตติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ความรักใคร่สามัคคีกันความไว้เนื้อเชื่อใจในผู้นำ นายเอกพล จันทะวงษ์ หรือโค้ชเอกที่เป็นทั้งพี่ทั้งโค้ชของสมาชิกทีมหมูป่าทั้งในการเล่นกีฬาและการใช้ชีวิตประจำวัน สามารถนำมาใช้ถอดบทเรียนเพื่อเตรียมพร้อมรับกับอุปสรรคและโอกาสที่จะมาถึง

     

    รักแท้ที่ต้องเสียสละและไม่ทิ้งกัน ความประทับใจในภารกิจช่วยทีมหมูป่า นำมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อสร้างบรรยากาศและแรงจูงใจในการทำงานได้เป็นอย่างดี ระหว่างมิตรภาพ ความร่วมมือ ได้เห็นความเป็นหนึ่งเดียว (Unity) ความความเสียสละ (Sacrifice) ความไว้เนื้อเชื่อใจ (Trust) จนเกิดการยอมรับและปฏิบัติตาม นำมาสู่ความมหัศจรรย์ของการอยู่รอดปลอดภัยถือเป็นต้นแบบที่ดีของของผู้นำและความเป็นผู้นำ (Leader and Leadership) ในความมั่นคงและกล้าหาญ

     

    การสร้างทีมงานเพื่อให้เดินไปด้วยกัน ร่วมกันคิดร่วมกันทำ ก่อให้เกิด Synergy วิธีระบบการทำงานแบบพี่เลี้ยง(Mentoring System) เป็นระบบการทำงานของมืออาชีพที่ใช้กันมานาน ที่ผ่านมาเมื่อก่อตั้งบริษัททีมฯ ขึ้นมาใหม่ๆ ก็ใช้วิธีพี่สอนน้อง น้องช่วยพี่ ในการทำงานจนสามารถผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ก้าวหน้าเติบโตมาจนทุกวันนี้ ซึ่งผมเองได้บอกเล่าบันทึกไว้ในหนังสือ “เคล็ด(ไม่)ลับ ฉบับ TEAM GROUP” 37 กลยุทธ์การบริหาร เนื่องในโอกาสทีมกรุ๊ปก้าวสู่ขวบปีที่ 37

     

    พี่สอนน้อง น้องช่วยพี่ พิสูจน์แล้วว่าระบบพี่เลี้ยงที่ทำงานประกบกันระหว่างผู้ที่อาวุโสกว่ากับพวกมือใหม่ทำงานร่วมกันไป และแนะนำสอนงาน ผ่านการเรียนรู้การฝึกฝน On-the-Job Training เพื่อให้มีการดูแล สร้างผู้ช่วยทำงานและเป็นตัวตายตัวแทนสืบทอดความเป็นมืออาชีพจากรุ่นสู่รุ่น จนปัจจุบันผู้ที่เป็นมือใหม่เหล่านั้นก็เป็นผู้บริหารรุ่น 2 ของเรากันแล้ว

     

    ระบบพี่เลี้ยง หรือการมีพี่เลี้ยง (Mentor) เป็นผู้คอยให้คำปรึกษา ทำหน้าที่แนะนำสอนงาน มอบหมายงาน และติดตามดูแล ให้การทำงานเป็นไปภายใต้มาตรฐานที่กำหนดซึ่งพี่เลี้ยงอาจเป็นรุ่นพี่ หัวหน้างาน ที่ปรึกษาอาวุโส หรือพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์สูงกว่า มาสอนถ่ายทอดความรู้ เทคนิคการทำงาน รวมถึงการใช้ชีวิตในการทำงานให้กับน้องใหม่ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีคุณสมบัติความเป็นผู้นำ เต็มใจที่จะแบ่งปันทักษะความรู้และความเชี่ยวชาญมีทัศนคติเชิงบวกและเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นที่ยอมรับและมีผลงานที่มีประสิทธิภาพ อีกทั้งมีค่านิยมที่สอดคล้องกับองค์กรและยอมรับความคิดเห็นและความคิดริเริ่มของทีม

     

    สำหรับน้องเลี้ยง (Mentee) ที่หมายถึงคือผู้ที่รับมอบงานถูกสอนงาน ซึ่งอาจเป็นพนักงานเข้ามาใหม่ ผู้ที่ยังไม่มีประสบการณ์ หรือผู้ที่กำลังเรียนรู้งานเพื่อรับมอบตำแหน่งที่สูงขึ้นคนกับงานเป็นปัจจัยสำคัญของกิจการ จะทำงานเล็กงานใหญ่ก็ต้องอาศัยคน มืออาชีพต้องมีพื้นฐานความรู้ในสาขาที่ตนยึดเป็นอาชีพอย่างดี แต่หากเป็นมือใหม่ขาดประสบการณ์ก็ต้องทำงานภายใต้การดูแลของผู้ที่เคยทำงานมาก่อน ส่วนคนที่ผ่านงานจากที่อื่นมาแต่ยังไม่มีประสบการณ์การทำงานร่วมกันก็จะต้องมีคนคอยดูแลให้คำแนะนำความรู้สึกที่ไม่ต้องทำงานคนเดียว ระบบพี่เลี้ยงที่ดีจึงเป็นวิธีหนึ่งในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายได้ตามที่ต้องการ

     

    การตระหนักรู้ถึงความสำคัญและการใช้ระบบพี่เลี้ยงจากภารกิจหมูป่า ดั่งเกมกีฬา ที่ต่างรู้รูปแบบ หน้าที่ ตำแหน่งในการเล่น การคัดเลือกคนที่คำนึงถึงคุณสมบัติ ความถนัดและประสบการณ์ มีตัวตายตัวแทนไว้และฝึกฝนให้มีความสามารถเล่นแทนตำแหน่งอื่นได้ โดยไม่หยุดสรรหาผู้ที่มีความสามารถ เคารพกติกาและแนวทางการเล่นตามที่โค้ชหรือผู้จัดการ หรือทีมงานกำหนดร่วมกัน ตลอดจนการสร้างสายสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน ความสุข ความสำเร็จก็อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

     

     

     

    การพัฒนา EEC สู่ “Smart City”

     

    ดร.ปาริชาติ พัฒนเมฆา

     

    การพัฒนาเมืองหรือการวางผังเมืองในปัจจุบัน ค่อนข้างมีความยุ่งยากและซับซ้อนกว่าในอดีต เนื่องจากทุกพื้นที่ทุกตารางนิ้วมีผู้คนเข้าไปอยู่อาศัยและใช้ชีวิตอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้น การวางผังเมืองในปัจจุบันจึงไม่ใช่การสร้างเมืองจากที่รกร้างว่างเปล่า แต่เป็นการวางผังเมืองจากศักยภาพและทิศทางของเมืองในปัจจุบัน ทั้งลักษณะภูมิประเทศ คุณลักษณะของประชากร นำข้อมูลมาวิเคราะห์ศักยภาพของเมือง และแนวโน้มการพัฒนา จนได้รูปแบบการพัฒนาที่เหมาะสม

     

    พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ หรือ EEC เป็นหนึ่งในความตั้งใจในการพัฒนาเมืองให้เป็นศูนย์กลางการค้าการลงทุน มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการจัดการเทคโนโลยี ทำให้พื้นที่ EEC เป็นเมืองที่มีการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน พัฒนาตามแนวคิด Smart City ที่นำเทคโนโลยีและการสื่อสารมาใช้ในการบริหารจัดการพื้นที่ ดังนี้

     

     

     

    อวยพรปีใหม่ให้มี “สาระความสุข”

    Dr. Anat Arbhabhirama

     

     

    ตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์ มนุษย์ไม่รู้จักการนับวันเดือนปีตลอดปีตลอดเดือนจึงไม่มีอะไรใหม่ ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนๆ กัน ต่อมาเมื่อเรารู้จักการนับวันเดือนปี จึงค่อยๆเริ่มมีการฉลองในโอกาสวันขึ้นรอบปีใหม่ ซึ่งแต่ละชาติแต่ละภาษาอาจจะไม่ตรงกัน ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น แต่สิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกันก็คือ การมอบของขวัญการอวยพร และส่งความปรารถนาดีต่อกันในโอกาสการขึ้นปีใหม่ ให้มีความสุข ให้สมความปรารถนา ให้สุขภาพแข็งแรง ให้ร่ำรวย ฯลฯ ซึ่งก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่าตรงกับใจที่ผู้รับอยากได้หรือไม่ เพราะมนุษย์แต่ละคนมองความสุขต่างกันเข้าใจใน “สาระของความสุข” ไม่เหมือนกัน

     

    เมื่อเร็วๆ นี้มีการนำเสนอผลงานวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของสหรัฐ งานวิจัยที่ชื่อ The Harvard Study of Adul Development ทำการวิจัยโดยเฝ้าติดตามชีวิตของกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกันจำนวนกว่า 700 คน ตั้งแต่ปี 1930 จนถึงปัจจุบันโดยมีจุดประสงค์ “เพื่อค้นหาปัจจัยของความมีอายุยืนยาวและความสุขของมนุษย์”

     

    ผู้วิจัยได้ทำการสอบถามชาวอเมริกันส่วนใหญ่ว่า อะไรคือความปรารถนาของชีวิต และคำตอบมีสามประเด็นคือ 1) ความร่ำรวยมีเงินทองมากมาย 2) ความมีชื่อเสียง และ 3) ประสบความสำเร็จ สิ่งนี้จึงถือได้ว่าเป็นสาระความสุขของชาวอเมริกัน

     

    อย่างไรก็ตาม ไม่น่าเชื่อว่าผลการวิจัยที่ยาวนานที่สุดนี้กลับพบว่า “คุณภาพของความสัมพันธ์ต่อครอบครัว เพื่อนฝูงและต่อสังคม จะส่งผลดีต่อสุขภาพและความสุขของคนเรามากที่สุด” ไม่ใช่ความรวย ชื่อเสียง หรือความสำเร็จ

     

    ผลการวิจัยนี้ แม้จะเป็นเพียงกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกัน แต่ที่จริงแล้วก็ตรงกันกับบริบททางสังคมของคนไทย หรืออาจจะเป็นคนทั่วโลกก็ว่าได้ว่าคุณภาพของความสัมพันธ์ในครอบครัวคือพื้นฐานความสุขของมนุษย์นั่นเอง

     

    อย่างไรก็ตาม “สาระความสุข” ของแต่ละคนนั้นอาจจะไม่เหมือนกันเสียทีเดียว หลายคนมีความทุกข์เพราะเข้าใจสาระความสุขผิดไป เป็นความสุขที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เข้าใจตัวเองดีพอ ดังนั้นการอวยพรปีใหม่ที่ดี คือ ความเข้าใจในสาระความสุขของผู้ที่ท่านจะให้คำอวยพร และในทำนองเดียวกันผมอยากจะขอให้ผู้อ่านทำความเข้าใจกับสาระความสุขของตนเอง ให้รู้ว่าความสุขของตนเองนั้นอยู่ที่ตรงไหน เช่นบางท่านอยากให้สุขภาพของตนเองดีขึ้น บางท่านอาจจะอยากเก็บเงินให้ได้ 50 ล้านเมื่ออายุ 50 ปี และอย่าลืมว่าสาระความสุขของเรานั้นก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ในแต่ละช่วงชีวิตของเรา ก็ต้องหมั่นสำรวจและทำความเข้าใจ

     

    สำหรับปีใหม่นี้ ผมขออวยพรให้ผู้อ่าน สำรวจตัวเองเพื่อดูว่า “สาระความสุข” ของตนเองคืออะไร เมื่อปีที่แล้วเราได้ความสุขตามที่คิดไว้หรือไม่ และปีใหม่จะทำอะไร หรือจะปรับสาระความสุขของเราใหม่ ผมขออวยพรให้ผู้อ่านจงรู้จักสาระความสุขของตนเอง และปฏิบัติให้ได้ ตั้งเป้าหมาย วางแผน และเดินไปสู่เป้าหมายแห่งความสุขที่ท่าน “ออกแบบ” ด้วยตนเอง ขอให้ทุกท่านประสบความสำเร็จและบรรลุความสุขตามที่ปรารถนา

     

    ของแถมความสุข: การฝึกให้อารมณ์เป็นของตัวเอง

     

    คนเรานั้น หากสามารถทำให้ “อารมณ์” เป็นของเราได้ก็จะมีความสุข ไม่ว่าจะมีสิ่งใดมากระทบกระแทก เราก็ยังสามารถจัดการอารมณ์ของเราได้ เหมือนคำกล่าวที่ว่า “สุข-ทุกข์ อยู่ที่ใจ” นั่นเอง วิธีทำให้ “อารมณ์เป็นของตัวเอง” ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ต้องอาศัยการฝึกฝนพอสมควร

     

    ประการแรก ต้อง “เชื่อ” ว่าอารมณ์เป็นของเรา เป็นสิ่งที่เราควบคุมได้

    ประการที่ 2 จัดการร่างกายให้ “พร้อม” ด้วยการกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ รักษาสุขภาพ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ

    ประการที่ 3 ฝึกวิธีคิด ให้คิดอย่างแยบยล หรือคิดบวกนั่นเอง

    ประการที่ 4 หากทำ 3 ข้อแรกแล้วยังไม่สำเร็จ ตามหลักพุทธศาสนา ให้ระลึกรู้ตัวอยู่เสมอเมื่ออารมณ์มากระทบ เช่นเมื่อโกรธ ก็ให้รู้ตัวว่ากำลังโกรธ แล้วปล่อยไป อารมณ์นั้นก็จะผ่านพ้นไปเองในที่สุด ในทางการแพทย์ก็คล้ายกันคือ ปล่อยอารมณ์ที่ไม่ดีนั้นให้ผ่านไปเฉยๆ อย่าทำตามที่ใจต้องการในอารมณ์นั้น ไม่นานอารมณ์ที่มากระทบก็จะผ่านพ้นไป ซึ่งทั้ง 2 วิธีก็คือสิ่งเดียวกัน

     

    ลองไปฝึกดูนะครับ หากสามารถทำให้ “อารมณ์เป็นของตัวเอง” ได้ ชีวิตก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน

    นั่งรถไฟเลียบชายฝั่ง เชื่อม 3 ท่าเรือ

     

     

    หากพูดถึงพื้นที่ที่กำลังฮอตฮิตคงไม่พ้นพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ซึ่งนอกจากโครงการขนาดใหญ่ ยังมีโครงการรถไฟทางคู่เชื่อม 3 ท่าเรือ แต่นอกจากเชื่อม 3 ท่าเรือเพื่อเป็นแกนหลักในการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์แล้วยังผ่านสถานที่น่าท่องเที่ยวมากมายของภาคตะวันออกอีกด้วย

     

    สถานีแปดริ้ว ลงสถานีนี้สามารถเดินทางไปสักการะหลวงพ่อโสธรที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ขอพรเสริมสิริมงคล และไปสักการะขอพรเทพแห่งความสำเร็จโชคดีพระพิฆเนศวร ปางนั่งประทานพรที่วัดโพรงอากาศ ปางนอนเสวยสุขที่วัดสมานรัตนาราม

     

    สถานีชลบุรี แวะไปไหว้พระที่หอพุทธสิหิงค์ เพื่อความเป็นสิริมงคลหรือไปชมวิวมหัศจรรย์ที่แกรนแคนยอนคีรีได้เช่นเดียวกัน

     

    สถานีบางพระ แวะเที่ยวอ่างเก็บน้ำบางพระ ชมความงามของอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์หรือต่อรถไปที่หาดบางแสน พาครอบครัวไปเล่นน้ำชิลล์ๆ

     

    สถานีชุมทางศรีราชา แวะไปเที่ยวเกาะลอย พร้อมแวะชิมอาหารทะเลอร่อยๆ ริมทะเล

     

    สถานีพัทยา ใครไม่เคยไปเที่ยวหาดพัทยาด้วยรถไฟ ลองดูสักครั้งแล้วจะติดใจ เพราะไปง่าย บรรยากาศดี

     

    สถานีท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ เชื่อมต่อกับท่าเรือสัตหีบหรือท่าเรือจุกเสม็ด ซึ่งในอนาคตจะพัฒนาเป็นท่าเรือสำราญขนาดใหญ่ สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวที่หาดนางรอง หรือชมความยิ่งใหญ่ของเรือหลวงจักรีนฤเบศร นอกจากนี้ยังสามารถเดินทางเชื่อมต่อกับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาอีกด้วย

     

    นอกจากที่ยกตัวอย่างมาแล้ว มีสถานที่ท่องเที่ยว น่าสนใจอีกมากมายรอให้ไปเยือน ซึ่งเมื่อรถไฟทางคู่เชื่อมสามท่าเรือแล้วเสร็จ การเดินทางไปเที่ยวด้วยรถไฟจะสะดวกสบายกว่านี้อย่างแน่นอน

     

    #ท่องเที่ยววิถีไทย. เก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร

    The Future of Autonomous Cars

     

     

    Fantasy films from the Hollywood Dream Factory sometimes portray intelligent vehicles, which can drive automatically, converse with the driver, follow his commands, and provide navigating advice. The good news is that such advanced technology may be realized soon.

     

    The autonomous car issue is a hot topic nowadays. Leading automotive manufacturers such as Toyota, Nissan, and Honda have been focusing on autonomous vehicle prototypes at their expositions. As technology advances, cars are being modified with artificial intelligence (AI) features. In the near future your car could have the following options:

     

    Level 0 No Automation: All functions need your operation.

    Level 1 Driver Assistance: You maneuver the car, the car provides information such as route suggestions, appropriate speed, speed control, safe space between cars while driving, and automatic braking feedback.

    Level 2 Partial Automation: The car drives itself automatically in commonplace situations such as moving short distances while stuck in traffic without changing lanes.

    Level 3 Conditional Automation: The car can move automatically in commonplace situations such as on an expressway with low traffic congestion.

    Level 4 High Automation: When conditions are not normal, you need to make the driving decisions.

    Level 5 Full Self-driving under All Conditions: The car can drive freely by itself without your assistance and in any situation.

     

    Some people may think that reaching level 5 lies in the distant future, but technology is advancing at such a rapid pace that almost anything is possible now.

     

    Source: https://www.truecar.com/blog/2018/03/05/5-levels- autonomous-vehicles/

     

     

    น้ำใจทีม เพื่อสังคม

    The More We Give, the More We Gain

     

    ประเทศไทยในฝัน

     

    มูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจจัดประกวดภาพวาดเยาวชนระดับประถมศึกษา ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2554 ในปี 2561 นี้จัดประกวดในหัวข้อ “ประเทศไทยในฝัน” โดยจัดแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 กลุ่มโรงเรียนที่ในเขตพื้นที่จังหวัดนครนายก ประกอบด้วย โรงเรียนวัดท่าด่านโรงเรียนวัดท่าชัย โรงเรียนวัดวังยายฉิม และโรงเรียนวัดหุบเมยและกลุ่มที่ 2 ในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ โรงเรียนวิชาวดี โรงเรียนวัดบ้านมะเกลือ โรงเรียนวัดเขามโน และโรงเรียนศรีสวรรค์สังฆาราม เพื่อชิงทุนการศึกษาเป็นเงิน 3,000, 2,000 และ 1,000 บาท ตามลำดับ

     

     

    แบ่งปันน้ำใจให้บ้านเด็กรามอินทรา

     

    ทีมกรุ๊ป ร่วมกับมูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ โดย ดร.สิรินิมิตร บุญยืน กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิฯ และพนักงานทีมกรุ๊ป บริจาคสิ่งของและทุนทรัพย์และแวะเยี่ยมให้กำลังใจเด็กนักเรียน ณ โรงเรียนบ้านเด็กรามอินทรา (บ้านเด็กตาบอดผู้พิการซ้ำซ้อน) โดยมีนางสาวจันทร์เพ็ญ เนื้อนวล หัวหน้าสำนักงานฯ รับมอบ

     

     

    สร้างโอกาสทางการศึกษา เสริมศักยภาพเยาวชนไทย

     

    ทีมกรุ๊ป ร่วมกับมูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ สนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมศักยภาพเด็กไทยให้มีการเรียนรู้ มอบทุนการศึกษา ให้แก่นักเรียนในระดับอนุบาลและประถมศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ด้อยโอกาสทางการศึกษาในโรงเรียนที่ทีมกรุ๊ป ให้การอุปถัมภ์มาต่อเนื่อง เป็นครั้งที่ 23 นับตั้งแต่ปี 2550ในเขตพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ นครนายก และกรุงเทพมหานคร โดย ดร.ประเสริฐ ภัทรมัย ประธานกรรมการ ทีมกรุ๊ป และประธานมูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ นำทีมคณะผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา เดินทางไปมอบทุนให้แก่โรงเรียนและนักเรียนโรงเรียนวิชาวดี โรงเรียนวัดเขามโน โรงเรียนวัดบ้านมะเกลือ โรงเรียนวัดศรีสวรรค์สังฆาราม โรงเรียนนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561 และโรงเรียนวัดท่าด่าน โรงเรียนวัดท่าชัย โรงเรียนวัดหุบเมย โรงเรียนวัดวังยายฉิม จังหวัดนครนายก เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 และโรงเรียนวัดนวลจันทร์ และศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดนวลจันทร์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2561

     

     

     

    Inside TEAM

    แต่งตั้งกรรมการบริหาร

     

    ทีมกรุ๊ป แต่งตั้ง ศ.ดร.วรศักดิ กนกนุกุลชัยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2561 เป็นต้นไป ศ.ดร.วรศักดิ กนกนุกุลชัย เคยดำรงตำแหน่งอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) การเข้ารับตำแหน่งกรรมการบริหารเพื่อมุ่งเน้นการพัฒนางานด้านธุรกิจต่างประเทศ

    ที่ปรึกษาทางรถไฟเชื่อม 3 ท่าเรือรับ EEC

     

    ทีมกรุ๊ป ลงนามเป็นผู้รับจ้างในสัญญาที่ปรึกษาเพื่อศึกษาความเหมาะสม ออกแบบรายละเอียด และศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความจุเครือข่ายการคมนาคมทางรถไฟ จากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งครอบคลุมเส้นทางช่วงหัวหมาก-ฉะเชิงเทรา-ศรีราชา และโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงศรีราชา-มาบตาพุด

    ทีมกรุ๊ป รับงานที่ปรึกษาบริหารจัดการพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ

     

    บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทีมกรุ๊ป (TEAMG) ลงนามเป็นผู้รับจ้างร่วมในสัญญาที่ปรึกษาเพื่อศึกษารูปแบบการบริหารจัดการแนวทางการพัฒนาและจัดทำร่างเอกสารสำหรับประกอบการจัดจ้างเอกชนเพื่อบริหารจัดการพื้นที่สถานีกลางบางซื่อกับคู่สัญญาคือการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)

    ที่ปรึกษาการพัฒนาเมืองการบินใหม่ใน EEC

     

    ทีมกรุ๊ป ลงนามเป็นผู้รับจ้างในสัญญาที่ปรึกษาเพื่อศึกษาแนวทางการพัฒนาออกแบบเชิงหลักการในการพัฒนาเมืองการบินใหม่ บริเวณโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จากสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (สกพอ.) ซึ่งประกอบด้วยท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา, ท่าเรือแหลมฉบัง, ท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือสัตหีบ

    การป้องกันระงับอัคคีภัยและซ้อมอพยพหนีไฟ

     

    ทีมกรุ๊ป จัดอบรม “การป้องกันระงับอัคคีภัยและซ้อมอพยพหนีไฟ” ประจำปี 2561 โดยวิทยากร นายจักรกฤษณ์ คงคำและนายประสาน แก้วทอง เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สถานีดับเพลิงและกู้ภัยสุทธิสาร และนายปิยะ สาธุกาญจน์ วิทยากรจาก บริษัท ฮิตาชิ เอลลิเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ณ อาคารทีม

    ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2562

     

    ดร.ประเสริฐ ภัทรมัย ประธานกรรมการ ทีมกรุ๊ป นำทีมผู้บริหารและพนักงาน ร่วม “งานเลี้ยงสังสรรค์ ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2562” จัดให้มีการทำบุญตักบาตรข้าวสาร อาหารแห้ง พิธีสงฆ์และถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ มอบทุนสนับสนุนด้านการศึกษาแก่โรงเรียนวัดนวลจันทร์ และศูนย์อบรมเด็กก่อนเกณฑ์วัดนวลจันทร์ ก่อนส่งความสุขข้ามปีกับกิจกรรมจับฉลากของมูลนิธิกลุ่มทีมรวมใจ และงานเลี้ยงสังสรรค์ ณ อาคารทีม

    การทําาแผนที่ด้วยโดรน

    คุณสมพัสตร์ สุวพิศ ผู้อำนวยการ Drone Based Services ทีมกรุ๊ป รับเชิญเป็นวิทยากรร่วมบรรยายในการฝึกอบรม “การทำแผนที่ด้วยโดรน (Drone Mapping Workshop)” ณ อาคารวิจัยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    Smart Engineering

     

    ทีมกรุ๊ป ได้รับเชิญบรรยายในงานวิศวกรรมแห่งชาติ 2561 โดย ดร.สรัสไชย องค์ประเสริฐ ในหัวข้อ “การพัฒนาแนวทางการใช้การจำลองสารสนเทศอาคารสำหรับประเทศไทยในส่วนงานโครงสร้าง และงานระบบ” และหัวข้อ “Smart Engineering by Building Information Modeling (BIM)” และคุณยุทธนา คงคารัตน์ GFE ในหัวข้อ “Basic Dynamo และการ Implement กับงาน MEP” เมื่อเร็วๆ นี้ ณ อิมแพค เมืองทองธานี

    Ready Player? OSBIM#3

     

    ดร.สรัสไชย องค์ประเสริฐ ผู้อำนวยการ-หัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีระดับสูง ทีมกรุ๊ป เป็นวิทยากร บรรยายเรื่อง “ทำอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด สำหรับคนที่ทำ BIM และองค์กรที่ใช้ BIM ในการทำงานและจะส่งผลกระทบกับทุกท่าน อย่างไรบ้าง ข้อดี ข้อเสีย” ในงานสัมมนา Ready Player? OSBIM#3 เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ณ Cyber World Tower

    ต้อนรับ Nikken Sekkei

     

    ดร.สรัสไชย องค์ประเสริฐ พร้อมคณะ ให้การต้อนรับ Dr. Naoto Tanaka, General Manager, International Project Management, Global Marketing Center, Nikken Sekkei (Thailand) Ltd., เข้าเยี่ยมและหารือในโอกาสทางธุรกิจ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

    รู้แล้วรวยด้วยเทคโนโลยี

     

    คุณสมพัสตร์ สุวพิศ ผู้อำนวยการ Drone Based Services และดร.สรัสไชย องค์ประเสริฐ ผู้อำนวยการ–หัวหน้าศูนย์เทคโนโลยีระดับสูง รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ BIM & Drone survey “รู้แล้วรวยกับเทคโนโลยีพลิกโฉมงานก่อสร้างล้ำยุค” ให้กับโครงการสัมมนาผู้บริหารระดับสูง “PROFESSIONAL SYMPOSIUM FOR CEO IN REAL ESTATE” (RE-CU CEOPREMIUM#4)

    ต้อนรับผู้บริหารการท่าเรือสีหนุวิลล์และคณะ

     

    ดร. สิรินิมิตร บุญยืน รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส-ธุรกิจต่างประเทศ ทีมกรุ๊ปร่วมกับนายปริญญา วงศ์เพชรขาว ผู้อำนวยการฝ่าย บริษัทแอสเซท โปรแมเนจเม้นท์ จำกัด พร้อมด้วยผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญ ต้อนรับ Mr.Chiv Chansophal ผู้อำนวยการเขตเศรษฐกิจพิเศษท่าเรือสีหนุวิลล์ และคณะของการท่าเรือสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ที่เดินทางมาศึกษาดูงานเยี่ยมชมท่าเรือแหลมฉบัง และเยี่ยมเยือนทีมกรุ๊ป เมื่อเร็วๆ นี้

    งานเลี้ยงต้อนรับ

     

    ดร.ประเสริฐ ภัทรมัย ประธานกรรมการ จัดเลี้ยงต้อนรับ ศ.ดร.วรศกดิ์ กนกนุกุลชัย ในโอกาสเข้ารับตำแหน่งกรรมการบริหาร เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2561 ณ อาคารทีม

    ร่วมแสดงความยินดี

     

    ดร.อภิชาติ สระมูล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส- ธุรกิจภาคเอกชน ทีมกรุ๊ป ร่วมแสดงความยินดี กับ ดร.สุชาติ ชลศักดิ์พิพัฒน์ ในโอกาสที่เข้ารับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)

    รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยาย

     

    ทีมกรุ๊ป โดย Ms. Emelie Linnea Margareta Fransson รับเชิญเป็นวิทยากรบรรยายในหัวข้อ The role of “Traffic Engineer” and “Transportation Engineer” ให้แก่นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ภาควิชาวิศวกรรมโยธา หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

    อบรมสัมมนา

     

    ทีมกรุ๊ป จัดอบรม สัมมนา และศึกษาดูงาน อย่างต่อเนื่องเพื่อเสริมสร้างทักษะในการทำงานและพัฒนาบุคลากรเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่มีคุณภาพและมาตรฐานเดียวกัน

     

    อบรมหลักสูตร “Team Leading for TEAM Leadership” ประจำปี 2561 เพื่อพัฒนาภาวะผู้นำในตนเองและเรียนรู้จิตวิทยาสำหรับผู้นำในการบริหารคนได้อย่างเหมาะสม และฝึกทักษะการเป็นผู้นำยุคใหม่ให้มีประสิทธิภาพ

     

    อบรมหลักสูตร “การใช้ midas nGen leหรับ Plant & BIM” เพื่อสร้างความเข้าใจ การเตรียมความพร้อม และทางเลือกในการเปลี่ยนแปลงการทำงานในวิชาชีพ จากรูปแบบเดิมสู่การทำงานในรูปแบบใหม่ที่สามารถทำงานไปพร้อมกับสถาปนิก

     

    อบรม “สวัสดิการกองทุนประกันสังคม กองทุนเงินทดแทนและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ประกาศใช้” เพื่อให้ผู้เข้าอบรมได้ทราบถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ลูกจ้างได้รับจากกองทุนและสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

     

    อบรมหลักสูตร “ผู้ตรวจติดตามภายในตามมาตรฐาน ISO 9001:2015” เพื่อให้เข้าใจในหลักการและขั้นตอนของการตรวจติดตามภายในตามข้อกำหนดของมาตรฐานต่างๆ

     

    อบรมหลักสูตร “การพัฒนาความรู้ด้านการใช้โปรแกรม Microsoft O365 ครั้งที่ 4-5/2561” เพื่อให้ผู้อบรมมีความรู้ความเข้าในในการใช้งาน Microsoft Office ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

     

    อบรมหลักสูตร “การใช้งาน Individual Dashboard” ครั้งที่ 2/2561 เพื่อให้ผู้เข้าอบรมมีความรู้ความเข้าใจและส